การนอนที่เพียงพอ สำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก .. นี่คือแนวคิดของ Wake Windows

You are here:
การนอนที่เพียงพอ สำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก .. นี่คือแนวคิดของ Wake Windows
หรือ ช่วงเวลาลืมตาดูโลกในวัยทารกและเด็กเล็ก
 
“Wake Windows
คือระยะเวลาที่สมองของเด็ก
จะสามารถตื่นและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้
ก่อนที่มันจะต้องการ การพักผ่อนเพื่อประมวลผลและรีเซ็ตตัวเอง”
Macall Gordon ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนของเด็กอธิบาย
 
การเข้าใจคอนเซ็ปต์นี้ จะช่วยให้คุณแม่
จัดตารางการนอนให้ลูกได้อย่างเหมาะสม
ป้องกันไม่ให้ลูกน้อย “เหนื่อยเกินไป” (Overtired) จนงอแงและหลับยาก
 
ทำไม Wake Windows ถึงสำคัญ ? 
กุมารแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับหลายท่าน เช่น นพ. Khalid Ahmad
ก็ยอมรับว่ามันเป็น “เครื่องมือที่มีประโยชน์มาก” สำหรับพ่อแม่
 
เพราะ Wake Windows
ช่วยให้เราหา “จุดสมดุล”  ได้อย่างเหมาะสม
• สร้างแรงผลักดันในการนอนหลับ (Sleep Pressure): เด็กต้องตื่นเป็นระยะเวลานานพอที่จะสร้าง “ความง่วง” ตามธรรมชาติ เพื่อให้พร้อมที่จะกลับไปนอนอีกครั้ง
• ป้องกันภาวะเหนื่อยเกินไป (Overtired): แต่หากปล่อยให้ลูกตื่นนานเกินไปจนเหนื่อยเกินพิกัด เขาจะหงุดหงิด งอแง และต่อต้านการนอนหลับ ทำให้การกล่อมยากขึ้นไปอีก
สัญญาณที่บอกว่า “หนูง่วงแล้ว” Wake Windows 
🥱 หาวบ่อย ๆ
👀 ขยี้ตา
↔️ หันหน้าหนีจากของเล่นหรือสิ่งที่คุณกำลังชวนคุย
😠 เริ่มทำหน้าบึ้ง งอแง
😭 ร้องไห้
 
Wake Windows ตามวัย 👶
เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว
ยิ่งลูกโตขึ้น Wake Windows ของเขาก็จะยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ
 
นพ. Khalid Ahmad ได้ให้แนวทางช่วงเวลาโดยประมาณไว้ดังนี้:
• อายุ 0-2 เดือน: ตื่นได้ประมาณ 45 – 60 นาที
• อายุ 3-4 เดือน: ตื่นได้ประมาณ 75 – 90 นาที (1 ชั่วโมง 15 นาที – 1 ชั่วโมง 30 นาที)
• อายุ 5-7 เดือน: ตื่นได้ประมาณ 120 -165 นาที (2 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมง 45 นาที)
• อายุ 7-10 เดือน: ตื่นได้ประมาณ 2.5 – 3.5 ชั่วโมง
• อายุ 10-12 เดือน: ตื่นได้ประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง
• อายุ 12 เดือนขึ้นไป: ตื่นได้ประมาณ 3 – 6 ชั่วโมง
 
เคล็ดลับฉบับโปร! จัดการ Wake Windows ให้เวิร์ค 
1. เริ่มจากเวลาที่สั้นกว่า: เพื่อป้องกันลูกเหนื่อยเกินไป
ลองตั้งนาฬิกาเตือนก่อนถึงเวลาสิ้นสุด Wake Window
ประมาณ 15 นาที เช่น ถ้าลูกมี Wake Window 2 ชั่วโมง
 
ให้ตั้งเตือนที่ 1 ชั่วโมง 45 นาที
แล้วเริ่มสังเกตสัญญาณง่วงเล็ก ๆ น้อย ๆ
เช่น ลูกเริ่มเหม่อ หรือจ้องมองมือตัวเอง นั่นเป็นจังหวะที่ดีที่จะเริ่มกล่อมเขานอน
 
2. อย่าบังคับ: จำไว้ว่าตัวเลขเหล่านี้
เป็นเพียง “แนวทาง” ไม่ใช่กฎเหล็ก
ถ้าลูกควรจะนอนแล้ว แต่ยังตาแป๋ว
และคุณต้องใช้เวลากล่อมนานเป็นชั่วโมง
อาจแปลว่า Wake Window ของเขายาวกว่าที่คิด
ลองยืดเวลาตื่นออกไปอีกนิดในรอบถัดไป
 
3. สร้างกิจวัตรสั้นๆ ก่อนนอน:
เมื่อใกล้ถึงเวลานอน ลองสร้างกิจวัตรที่สงบและผ่อนคลาย
เช่น เปลี่ยนผ้าอ้อม หรี่ไฟในห้องให้สลัวลง ร้องเพลงกล่อมเบา ๆ
กิจกรรมเหล่านี้จะส่งสัญญาณให้ลูกรู้ว่าถึงเวลานอนแล้ว
 
4. เป็นนักสืบหาสัญญาณของลูกเรา:
เด็กบางคนไม่แสดงอาการง่วงแบบมาตรฐาน!
ผู้เชี่ยวชาญพบว่า เด็กบางคนยิ่งง่วง ยิ่งคึก
เหมือนมีพลังงานล้นเหลือ (live wires)
 
สำหรับเด็กกลุ่มนี้
คุณอาจต้องพาลูกเข้านอน “ก่อน”
ที่เขาจะแสดงอาการใด ๆ ออกมาด้วยซ้ำ
การรอให้เขาแสดงอาการอาจจะสายเกินไป
 
5. ปรับเปลี่ยนเมื่อลูกโตขึ้น:
การนอนของเด็กเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
หากคุณสังเกตว่า ลูกใช้เวลาหลับนานขึ้นกว่าเดิมอย่างสม่ำเสมอ
อาจเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาต้อง “ขยาย” Wake Window ของเขาให้ยาวขึ้นแล้ว
 
Wake Windows เป็นเครื่องมือ
เพื่อทำความเข้าใจรูปแบบการนอนของลูก
สำคัญที่สุดคือ “ความยืดหยุ่น” เพราะไม่มีเด็กคนไหนเป็นเหมือนหุ่นยนต์
.
ตารางการนอนอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับพัฒนาการและปัจจัยแวดล้อม
จำไว้ว่า … คุณเท่านั้น ที่รู้จักลูกดีที่สุด 
 
กดติดตาม เพจ น่ารัก – Narak Club เพื่อไม่พลาดความรู้ดีๆ
 
 

 

 
 

Other Stories