การดูแลกลิ่นกายกลายเป็นเรื่องสำคัญของคนยุคนี้พอๆ กับการแต่งตัว เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีกลิ่นตัวหอมสะอาดตลอดวัน แต่เมื่อพูดถึง “ของคู่รักรักกลิ่นกาย” ของคนไทย ก็คงหนีไม่พ้นสองตัวดังอย่าง โรลออน และ สารส้ม ที่ยังคงถูกเปรียบเทียบกันมาทุกยุค ว่าแบบไหนเวิร์กกว่ากัน บทความนี้จะพาไปดูข้อดีข้อเสียของทั้งสองแบบ รวมถึงแนวโน้มความนิยมของคนไทยในปี 2025 ว่าสุดท้ายแล้วอะไรคือคำตอบที่ใช่ที่สุด
โรลออน กับ สารส้ม ต่างกันยังไง
แม้จะมีจุดประสงค์เดียวกันคือ “ระงับกลิ่นกาย” แต่กลไกของทั้งโรลออนและสารส้มต่างกันพอสมควร โรลออนเป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นที่มีส่วนผสมของสารยับยั้งแบคทีเรียและน้ำหอม ช่วยลดเหงื่อและกลิ่นได้รวดเร็ว ใช้ง่าย แห้งไว เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมือง ส่วนสารส้มเป็นของธรรมชาติที่มีมานาน ใช้หลักการทำให้รูขุมขนหดตัวและลดการสะสมของแบคทีเรีย จึงช่วยระงับกลิ่นได้เช่นกัน แต่ไม่มีน้ำหอมและไม่มีส่วนผสมที่เคลือบผิว
หลายคนมองว่าสารส้มให้ความรู้สึก “ปลอดภัย” เพราะมาจากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี แต่อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกเท่าโรลออน ในทางกลับกัน โรลออนรุ่นใหม่ๆ ก็พัฒนาให้มีความอ่อนโยนต่อผิวมากขึ้น ทำให้กลุ่มคนที่เคยแพ้ง่ายเริ่มหันกลับมาใช้โรลออนได้อีกครั้ง
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย
โรลออน
- ใช้งานง่าย แห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะ
- มีกลิ่นหอมติดทนนาน ใช้แทนน้ำหอมได้
- บางสูตรมีส่วนช่วยบำรุงผิวใต้วงแขนให้เนียนขึ้น
- ข้อเสียคือบางยี่ห้ออาจมีสารระคายเคือง หรือทิ้งคราบบนเสื้อ
สารส้ม
- ปลอดภัย เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย
- ระงับกลิ่นได้ดีในระดับหนึ่งโดยไม่มีกลิ่นน้ำหอม
- ราคาถูกและใช้ได้นาน
- แต่ใช้งานไม่สะดวก ต้องเปียกน้ำก่อนทา และกลิ่นไม่ติดผิว
ในปี 2025 คนไทยเริ่มมองหาสมดุลระหว่าง “ประสิทธิภาพ” และ “ความอ่อนโยน” มากขึ้น กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องความสะอาดและภาพลักษณ์จึงเลือกโรลออนเป็นหลัก ส่วนกลุ่มที่เน้นธรรมชาติหรือหลีกเลี่ยงสารเคมียังคงยึดมั่นในสารส้มอยู่เช่นเดิม แต่ในภาพรวม โรลออนเริ่มกลับมาครองใจคนไทยอีกครั้ง ด้วยความสะดวก กลิ่นหอมติดทน และความแห้งสบายที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ดีกว่า
โรลออนเทียร่า ป็อปคันทรี่ ความคลาสสิกที่ยังทันสมัย
หนึ่งในโรลออนที่คนไทยรู้จักดีคือ โรลออนเทียร่า ป็อปคันทรี่ ผลิตภัณฑ์ที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 40 ปี จุดเด่นคือความสดชื่น แห้งไว ไม่เหนียวเหนอะ พร้อมช่วยยับยั้งแบคทีเรียต้นเหตุของกลิ่นกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลิ่นหอมที่ติดทนนานจนใช้แทนน้ำหอมได้ ทำให้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในวันที่ต้องเจอกับอากาศร้อนหรือกิจกรรมกลางแจ้ง
